You are currently viewing การเผาไหม้ 1 ในสาเหตุของการเกิดฝุ่น PM 2.5 ในเมืองใหญ่

การเผาไหม้ 1 ในสาเหตุของการเกิดฝุ่น PM 2.5 ในเมืองใหญ่

     ในยุคที่เมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ และเมืองอื่นๆ ทั่วโลกต้องเผชิญกับปัญหามลพิษทางอากาศ ฝุ่น PM 2.5 ได้กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง ฝุ่น PM 2.5 เป็นฝุ่นที่มีขนาดเล็กมาก สามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ และส่งผลกระทบต่อสุขภาพของเราได้อย่างร้ายแรง หนึ่งในสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดฝุ่น PM 2.5 คือ “การเผาไหม้” ไม่ว่าจะเป็นการเผาไหม้เชื้อเพลิงในอุตสาหกรรม ยานยนต์ การเกษตร หรือแม้กระทั่งการเผาขยะในที่อยู่อาศัย เราจะมาดูข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเผาไหม้และผลกระทบที่เกิดขึ้นกับคุณภาพอากาศในเมืองใหญ่กัน

  • การเผาไหม้เชื้อเพลิงในอุตสาหกรรม

     การเผาไหม้เชื้อเพลิงในภาคอุตสาหกรรมเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิด PM 2.5 การใช้ถ่านหิน น้ำมัน และก๊าซธรรมชาติในการผลิตพลังงาน ก่อให้เกิดการปล่อยสารที่เป็นมลพิษสู่บรรยากาศ โดยสารที่ปล่อยออกมานั้นมีขนาดเล็กพอที่จะเข้าสู่ทางเดินหายใจของมนุษย์ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยได้

  • การเผาไหม้ในยานยนต์

     รถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงก็มีส่วนสำคัญในการปล่อย PM 2.5 สารพิษที่เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงในเครื่องยนต์จะปล่อยสารละลาย เช่น ไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) และคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดฝุ่น PM 2.5 และลดคุณภาพอากาศในเมือง

  • การเผาไหม้ในกิจกรรมการเกษตร

     ในประเทศไทย การเผาไหม้พืชผลในภาคการเกษตร เช่น การเผาไร่อ้อยหรือข้าวก่อนเก็บเกี่ยว ก็มีส่วนทำให้เกิด PM 2.5 การเผาไหม้ในกิจกรรมนี้จะปล่อยควันและสารพิษต่าง ๆ สู่บรรยากาศ ซึ่งส่งผลให้คุณภาพอากาศในพื้นที่ที่มีการเกษตรลดลง

  • การเผาขยะในที่อยู่อาศัย

     การเผาขยะในที่อยู่อาศัยยังเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิด PM 2.5 หลายคนเลือกที่จะเผาขยะ เนื่องจากวิธีนี้เป็นวิธีที่ประหยัดและง่าย อย่างไรก็ตาม การเผาขยะที่มีสารเคมีหรือพลาสติกจะปล่อยสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย และเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ

รู้ไหม? ฝุ่น PM 2.5 มีขนาดเล็กกว่าเส้นผม 20-30 เท่า

    ฝุ่น PM 2.5 หมายถึงฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน ซึ่งมีขนาดเล็กกว่าเส้นผมของคนประมาณ 20-30 เท่า ขนาดที่เล็กเช่นนี้ทำให้มันสามารถทะลุผ่านระบบกรองของร่างกายและเข้าสู่หลอดเลือดได้อย่างง่ายดาย ฝุ่น PM 2.5 จึงสามารถสร้างปัญหาสุขภาพได้มากมาย 

ขนาดฝุ่น PM 2.5 ​

     เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ฝุ่น PM 2.5 มีขนาดเล็กมากจนสามารถเข้าไปในปอดและกระแสเลือดได้ ในขณะที่เส้นผมของผู้ใหญ่มีขนาดประมาณ 70 ไมครอน แสดงว่าฝุ่น PM 2.5 สามารถเข้าถึงอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกาย อาจสร้างความเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่างๆ ได้โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบหายใจ

ผลกระทบต่อร่างกายจากฝุ่น PM 2.5

ผลกระทบในระยะสั้น

  • ทางเดินหายใจอักเสบ หายใจลำบาก แสบจมูก ไอมีเสมหะ แน่นหน้าอก ถุงลมแฟบ สมรรถภาพปอดลดลง ภูมิแพ้และหืดกำเริบ
  • ทำลายภูมิคุ้มกัน เกิดการติดเชื้อในปอด และทางเดินหายใจได้ง่าย เช่น ไข้หวัดใหญ่, หลอดลมอักเสบ, หูอักเสบ
  • พัฒนาการเด็กล่าช้า
  • ผลต่อระบบสืบพันธุ์ ทำให้มีบุตรยาก

ผลกระทบในระยะยาว

  • โรคมะเร็งปอด
  • การอักเสบของเส้นเลือด อาจเกิดโรคหัวใจขาดเลือด โรคอัมพาตจากหลอดเลือดสมอง
    ความดันโลหิตสูง เบาหวาน
  • โรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรัง
  • โรคทางผิวหนังหรือตาอักเสบ
  • ผิวมีจุดด่างดำและรอยย่น ดูแก่กว่าวัย

กลุ่มเสี่ยงอันตรายจากฝุ่นพิษ

 

เด็ก อาจกล่าวได้ว่ายิ่งอายุน้อย ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้น  เนื่องจากเด็กเล็กมีภูมิคุ้มกันโรคน้อยกว่าผู้ใหญ่ อวัยวะต่างๆ ในร่างกายยังอยู่ในระยะที่กำลังพัฒนา ทั้งนี้ฝุ่นพิษในอากาศที่สามารถเข้าสู่ระทางเดินหายใจและกระแสเลือดได้ง่ายจะไปขัดขวางการเจริญเติบโตของระบบต่างๆ  หรือทำให้เกิดโรคร้ายแรงในที่สุด

หญิงมีครรภ์ นอกจากภัยร้ายส่งผลต่อตัวคุณแม่ตั้งครรภ์ที่สูดฝุ่นละอองโดยตรงแล้ว ทารกในครรภ์ยังเป็นอันตรายด้วยเช่นกัน  มีการศึกษาพบว่ามลพิษในอากาศมีผลต่อการคลอดก่อนกำหนด  เสี่ยงแท้งบุตร และเพิ่มอัตราการตายของทารกในครรภ์ได้

ผู้สูงอายุ เมื่ออายุมากขึ้น อวัยวะเริ่มเสื่อมถอย ระบบการทำงานต่างๆ ในร่างกายลดลง ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันลดลง หากต้องเผชิญกับฝุ่นละออง อาจมีแนวโน้มเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหอบหืด โดยเฉพาะผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว
ควรหลีกเลี่ยงการเผชิญฝุ่นพิษให้มากที่สุด

ผู้ป่วยหรือมีโรคประจำตัว โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจ โรคปอด และโรคหัวใจชนิดต่างๆ การสูดฝุ่นผงเข้าสู่ร่างกายโดยตรงส่งผลให้โรคกำเริบ อาจถึงกับชีวิตได้

วิธีป้องกัน​

  • ติดตามรายงานสภาพอากาศและระดับ PM 2.5 อย่างสม่ำเสมอ
  • ในบ้าน หรืออาคารควรใช้เครื่องฟอกอากาศที่สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 ได้
  • สวมหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ หรือสวมหน้ากาก N95 เมื่อต้องออกจากบ้าน หรืออาคาร
  • สวมแว่นกันลม กันฝุ่น สวมเสื้อแขนยาวมิดชิด
  • ลดเวลาการอยู่นอกบ้าน/อาคาร โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อ PM 2.5 สูง เช่น เด็ก หญิงตั้งครรภ์ คนชรา ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว ได้แก่ โรคภูมิแพ้ โรคปอด โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง และโรคไตเรื้อรัง
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายกลางแจ้ง

ทั้งนี้การใส่หน้ากากให้ได้ประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่น PM 2.5 ต้องใส่ให้ถูกวิธีและกระชับกับใบหน้าของผู้สวมใส่ด้วย

ขอบคุณที่มา : โรงพยาบาลบางประกอก3

ใส่ความเห็น